วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2553

เทคนิคการตกกุ้งแม่น้ำ

ประเภทเหยื่อที่ใช้

ปูนาสองกระดองหรือเรียกอีกอย่างว่าปูนิ่ม (หายากและกุ้งจะกินดีช่วงสีน้ำออกขุ่นแดงเท่านั้น)
ไส้เดือน แดง ไส้เดือนไส้ตัน (ไส้เดือนน้ำ)

กุ้งฝอยก่อนจะเกี่ยวเบ็ดต้องบี้หัวกุ้งให้มันๆแตกจะได้ช่วยเพิ่มกลิ่น
เนื้อปลาช่อนให้เอามาหันเป็นเส้นๆยาวพอดีตัวเบ็ด

หัวใจไก่เอามาหั่นเป็นเส้นเหมือนกัน แล้วซื้อเลือดวัวมาแช่หมักไว้ใส่เกลือป่นนิดหน่อยตอนเอาไปตกก็แช่น้ำแข็งไปด้วยจะได้ไม่เสีย
ใช้กุ้งทะเลจำพวกกุ้งเปลือกบางๆหรือกุ้งแช่บ๊วยตัวเล็กก็ได้



เทคนิคการตกกุ้ง(ขั้นพื้นฐาน)

กุ้งเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยชอบแสง กลางวันจะอยู่ในระดับน้ำที่ลึก และมีที่กำบังหลบเช่น ตอไม้ใต้น้ำ โคนเสาบ้าน หรือที่มีกิ่งไม้มาถับถมกันมากๆ

พอตกกลางคืนจะว่ายขึ้นมาหากินตามชายตลิ่ง
วิธีการตกกุ้งแบบง่ายๆสายเอ็นไม่ควรเกิน8ปอนด์ เราต้องคอยเปลี่ยนตะกั่วน้ำหนักขนาดขึ้นอยู่กับกระแสน้ำถ้าน้ำไหลเบาแต่ใช้ตะกั่วใหญ่เวลากุ้งกินก็
จะไม่รู้เรื่องครับคันเบ็ดควรเป็นคันที่อ่อน หน่อย เมื่อเราหย่อนเหยื่อถึงพื้นแล้วต้องคอยสังเกตุปลายคันเวลามีกุ้งกินปลายคัน จะกระตุกนิดเดียวหรือจะค่อยๆโน้มลงมา
ถ้าปลายคันแข็งจะไม่ค่อย รู้เรื่องต้องอาศัยยกคันบ่อยๆ(ผมเรียกแบบนี้ว่ายกมั่วๆ)เมื่อมีกุ้งติดเบ็ด แล้วห้ามวัดนะครับหมุนรอกขึ้นมาเรื่อยๆก็พอแล้ว
ถ้ามีกุ้งอยู่บริเวณนั้นจะกินเหยื่อเร็วมากครับแบบ ว่าหย่อนเหยื่อถึงพื้นแถบจะกินทันที่เราต้องยกคันบ่อยๆข้อสำคัญถ้าน้ำไม่ไหล กุ้งจะไม่ค่อยกินเหยื่อ
หากหาตัวเบ็ดตกกกุ้งไม่ได้ใช้ตัวเบ็ดเบอร์1 หรือ เบอร์2 แทนก็ได้แต่ถ้าเอาจริงๆแล้วจะสู้ตัวเบ็ดกุ้งโดยตรงไม่ได้
การตกกุ้งแบบเดินตกโดยไม่ใช้เรือแบบนี้จะค่อนข้างเสียเปรียบเพราะกุ้งจะไม่ค่อยเดินออกจากถิ่นที่ซ่อนตัวเท่าไร
การตกแบบนี้เราควรที่จะเลือกทำเลที่เป็น เสาสพาน แนวเขื่อนกันตลิ่ง ถ้ามีตัวกุ้งอยู่จะจับเหยื่อเดินเข้าหาที่ซ่อนทันที
โดยเราต้งคอยสังเกตุจากปลายคันที่ค่อยๆงุ้มลงไปก็ได้ หรือ ยกบ่อยๆก็ได้ถ้ากระแสน้ำไหลดี
กุ้งจะกินเหยื่อไม่ดีเลยก็คือช่วงน้ำลงมากจนสุดๆ กับ กระแสน้ำแรงมากๆ และน้ำตาย(น้ำไม่ไหล)
พอเราตกกุ้งจนหมดตัวแล้วก็ย้ายแหล่งทำเลใหม่ได้เลยซึ่งจะลำบากกว่าพวกมีเรือซึ่งจะย้ายหาหมายได้ง่ายกว่า
ถ้าเราตกกุ้งตอนกลางวันควรจะหาทำเลที่น้ำลึก ถ้ากลางคืนก็ตกในที่ตื้นได้กุ้งจะขึ้นมาหากินไม่อยู่ในที่ลึก

สำหรับการเลือกคันตกกุ้งเราควรจะใช้คันตีเหยื่อปลอมอ่อนๆก็ได้ หรือคันสปินเล็ก แต่อย่าให้อ่อนมากๆไม่ดีเวลาเจอกุ้งกร้ามจะเอาไม่ค่อยอยู่ดีดเข้าตอหมด


ขอขอบคุณข้อมูลจาก numaer.com

เทคนิคว่าด้วยการผสมและปั้นเหยื่อ

เทคนิคการตกปลาว่าด้วยเรื่องการผสมและปั้นเหยื่อ

1. ปลากินยาก อาจจะต้องใช้ตัวเบ็ดเล็ก + ตัวเกี่ยวเล็ก เพราะปลาระแวงในการกิน จะมาเก็บเหยื่อชิ้นเล็กๆ ทำให้การได้ตัวปลาง่ายขึ้น
2. บางครั้งปลากินเหยื่อยากใช้เทคนิคข้อ 1 แล้วปลากินอาจจะไม่ลากเหยื่อ ก็ต้องถือคันรอ ปลากินแบบปลาตอดเหยื่อเบาๆ เราก็ต้องตวัดคันเลยโดยปลาไม่ลากเหยื่อ ก็จะทำให้ได้ตัวปลาเช่นกัน ปลาสวายนะครับกินเหมือนปลาเล็กๆ
3. สายหน้าจากตะกร้อเหยื่อ สั้นหรือยาว ก็ต้องแล้วแต่สถานที่ที่เราตกปลาอยู่ ถ้าเป็นบ่อไม่นานมาก พื้นก้นบ่อแข็งไม่มีเลนมาก สายหน้าก็ไม่ต้องยาวมาก (อันนี้ไม่ตายตัวนะครับบางทีปลาก็กินสายหน้าสั้น บางทีก็กินสายหน้ายาว คงต้องปรับเปลี่ยเอาครับ) แต่ถ้าเป็นบ่อเก่าๆ เลนตรมก้นบ่อมีมากสายหน้าก็ต้องยาวกว่าปกติ เพราะเวลาเหยื่อกองบนพื้นก้นบ่อ การเก็บกินของปลาก็จะง่ายไม่ใช่จมอยู่กับเลนตรมก้นบ่อ
4. จากข้อ 3 ตะกร้อใส่ตะกั่ว หนัก,เบา ถ้าใช้ตัวใส่ตะกั่วหนัก แล้วมีเลนมากก็จะจม ปลาก็จะเก็บกินเหยื่อยากหมายถึงเหยื่อที่หุ้มตะกร้อ เพราะธรรมชาติของปลาจะมาเก็บกินเหยื่อขนมปังชิ้นเล็กๆ อีกอย่างที่เราใส่ตะกั่วที่ตะกร้อ ก็เพื่อให้ปลาตกใจเวลาที่ดูดกินเหยื่อแล้วเบ็ดติดปาก ทำให้ปลาออกตัววิ่งๆๆๆๆ และความหนักของตะกั่วก็ทำให้คมเบ็ดฝังลงลึก ก่อนที่เราจะตวัดคันอีกที อีกอย่างเป็นการโชว์เสียงรอกที่ดังๆก็ได้นะครับ
5. ในปัจจุบัน บ่อตกปลาเป็นสถานที่ พักผ่อนให้นักตกปลา และหลายๆบ่อตอนนี้ ให้ใช้เฉพาะเปลือกขนมปัง เสียเป็นส่วนมาก โดยมีเปลือกขนมปังเปลือกล้วน,เปลือกขนมปังเปลือกเนื้อ(นิ่มกว่า) รำข้าว และโดยส่วนมากจะไม่ให้นักตกปลานำเหยื่อมาเอง ซึ่งที่ผ่านมาจะเป็นพวกเหยื่อหมักมีทั้งหอม, และเหยื่อหมักเปรี้ยว รวมทั้งความมันของเหยื่อหมัก บ่อทั่วๆส่วนมากก็ห้ามใช้ เหตุผลที่บอกมาทำให้น้ำเสีย แต่ก็ต้องเข้าใจครับ ธุระกิจ บ่อตกปลาเขาจะอยู่ได้ ก็ต้องอยู่ที่การขาย เหยื่อตกปลา อาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์ต่างๆอีกด้วย ไม่ใช่เฉพาะแค่ค่าชั่วโมงอย่างเดียว ต้องเข้าใจ
6. เทคนิคต่างๆ นักตกปลาต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะตกหน้าดิน หรือทุ่นลอย ปลาขึ้นน้ำช่วงไหน ปลากินหน้าดิน หรือใช้ทุ่นลอย ช่วงไหนดีกว่ากัน เวลาตกทุ่นลอยความลึกของเหยื่อลึกมากน้อยขนาดไหน ต้องทดลองอยู่ตลอดเวลาอย่าลืมนะครับ
7. การ ปั้นเหยื่อ สำคัญมากนะครับอย่ามองข้าม เคยมีการทดลองมาแล้ว เหยื่อถังเดียวกัน คนตกปลาหลายๆคน เทคนิคของแต่ละคนต่างกัน บางคนกินเร็ว บางคนกินช้า บางคนไม่กินเลย ทั้งๆที่เหยื่อถังเดียวกัน ปั้นเหยื่ออย่างไรให้ปลากิน ขนมปังผสมน้ำแล้วนิ่มมากน้อย แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ปั้นเหยื่อให้แน่นพอเหมาะ ลองทำดูนะครับ ถ้าเหยื่อที่เราปั้นแล้วตีออกไป ตกน้ำแล้วเหยื่อไม่แตกตัวออกเป็นชิ้นเล็กๆ ปลาจะเข้ามาเก็บกินเหยื่อได้อย่างไร และโดยเฉพาะชิ้นเหยื่อที่เป็นตัวเกี่ยวเบ็ด เสียงของเหยื่อที่ตกน้ำดังไม่เหมือนกัน ปั้นเหยื่อแน่นมากๆ ตกน้ำแล้วดังเหมือนก้อนดิน แสดงว่าบีบแน่นเกินไป (ปลากินยาก ตัวเบ็ดเล็ก + ตัวเกี่ยวเล็ก หรือตัวเบ็ดอาจจะเบอร์ใหญ่หน่อย ก็เกี่ยวขนมปังให้ชิ้นเล็กได้ ไม่ใช่ชิ้นใหญ่ขนาดปลายข้อนิ้วหัวแม่มือ แล้วยังบีบให้แน่นอีก ไม่ต้องกลัวตัวเกี่ยวหลุด หรือ ปลาจะไม่เห็นครับ เราไม่ได้ตีเหยื่อแช่นานมากๆ เราต้องเปลี่ยนเหยื่อบ่อยครั้งอยู่แล้วเวลาปลากินช้า เทคนิคนี้จะทำให้ปลาก็จะกินง่ายกว่า เพราะปลาระแวงน้อยกว่าในการเก็บกินชิ้นขนมปังเล็กๆ) เทคนิคเหล่านี้ เกิดขึ้นจากการสังเกตุและเรียนรู้ครับ
8. การ กำเหยื่อครับ จากที่บอกไว้ถึงการผสมเหยื่อในเว็ปฯเรา บางบ่ออาจจะไม่ให้ใช้หัวเชื้อ ก็ขนมปังปั่น เป็นขอบล้วน หรือขอบเนื้อ ผสมน้ำให้พอเหมาะแล้วทิ้งไว้สักครู่ขนมปังจะนุ่ม (หรือจะเป็นหัวเชื้ออะไรก็แล้วแต่ที่ทางบ่อให้ใช้ได้ หรือหัวเชื้อสูตรของท่านเอง) กำเหยื่อชั้นแรกให้แน่นกับตะกร้อ ขนาดอาจจะพอดีกับตะกร้อ แล้วกำชั้นนอกให้นุ่มถ้าตีเบ็ดแล้วแตกก็กำแน่นขึ้นอีกหน่อย ไม่ใช่เอาขนมปังปั่นแห้งมาใส่หัวเชื้อ หรือกำแน่นๆ ปลาจะกินยากกว่ามากๆ ทดลองดูนะครับ (เทคนิคนี้ใช้ได้หมดครับ_แม้กระทั่งขนมปั่งเปล่าๆ)


ขอขอบคุณข้อมูลจาก numaer.com

เทคนิคการตกปลาสวาย

เทคนิคการตกปลาสวาย แบบร้อยมาลัย



ใช้ขนมปังกระโหลก 2 แผ่น ต่อ1 ครั้ง แล้วใช้ขนมปัง 2แผ่น นั้นตัดออกเป็นสี่ครับ
ร้อยเข้าเอ็นไป 7 ชิ้นครับ อีก 1ชิ้นพับครึ่งเกี่ยวเย็บไปมา ให้แน่นๆบีบที่เดียวให้แบน แล้ว รวบทั้งหมดมาหุ้มตัวเบ็ดที่เกี่ยวแล้วให้บีบเบาๆอีกครั้งครับ อย่าปล่อยจนกว่าจะลงน้ำครับ





อย่าลืมแตะ หัวเชื้อกลิ่นแรงๆ เช่นนมแมว นมเนย แล้วขว้างไปเลยครับถ้ามีตัวต้องกินแน่ๆ หลีกเลี่ยงเจ้าฟาร์มเฮาส์นะครับเพราะเวลาที่ร้อยแล้ว ขนมปังหนักมากไม่ระเบิดออกเลย ครับ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก numaer.com

เทคนิคการตกปลานิล

เทคนิคการตกปลานิล

หมายของท่านอยู่ที่ไหน
  1. หนองธรรมชาติ
  2. บ่อเลี้ยง
เรามาดูที่ หนองธรรมชาติ กันก่อน ปลานิลโดยธรรมชาติแล้วจะอาศัยเป็นคู่ ซึ่งจะขุดบ้านหรือที่อยู่เป็นหลุมใต้น้ำ ส่วนใหญ่มักจะเป็นบริเวณดินปนทราย(ใต้น้ำนาะครับ) เราดูบนผิวน้ำจะไม่รู้ ดังนั้นเราต้องนำรำอ่อนๆ อ่อนที่สุด ผสมกับน้ำของหนองน้ำนั้น และควรผสมในถังที่เคยผ่านการใช้งานมาหลายๆครั้งเพื่อจะไม่ส่งกลิ่นของพลาสคิกติดลงไป จากนั้นท่านนำไปหว่านโดยให้ทั่วบริเวณที่จะลงเบ็ด แต่ไม่ต้องมาก เดี๋ยวปลาอิ่มกันพอดี รอจนกว่าจะมีฟองอากาศขึ้นมาจากใต้น้ำประมาณ 2 - 3 ฟองติดกันถี่ๆ แล้วดูที่ผิวน้ำปลาเล็กปลาน้อยที่มากินรำจะแตกเป็นระยะๆ แต่ท่านต้องทราบด้วยว่าหนองนั้นมีปลานิลน่ะ อาหารที่จะเกี่ยวกับตะขอเบ็ดก็ไม่แปลกเลยปลาธรรมชาติมักจะชอบอาหารที่มันเคยกินและมีอยู่ทั่วไปคือ
  1. ไส้เดือนอ่อน่ เป็นไส้เดือนตัวเล็กสีชมพู ไม่ใช่ไส้เดือนขด หรือไส้เดือนทั่วไปนะครับ ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ตามบริเวณดินที่เราทิ้งน้ำล้างจาน ล้างถ้วย นำมาเกี่ยวเลยรับรองได้ 100% (แต่ต้องเป็นขี้ตาแล่เป็นๆไม่ตายน่ะและสดๆด้วย)
  2. กุ้งสดๆ ที่เป็นๆ ที่เต้นๆ ยิ่งดี ตัวกำลังดีเกี่ยวขอไม่หลุด รับรอง 95% เพราะบางทีปลากินเป็นประจำอาจเบื่อ
  3. เคยเห็นตัวหนอนที่อยู่ในไม้ไมยราพที่แช่อยู่ในน้ำไหม อืมจะอธิบายไงดี ลองเอาไม้ไมยราพที่แช่ในหนองน้ำที่เป็นสีดำแล้วมีรูพรุนทั่วขอนไม้น่ะ แล้วเอามาหักดูจะมีตัวหนอนอยู่ด้านใน ลองดูน่ะ เลือกเอาตัวใหญ่หน่อย รับรอง 97% เพราะหนอนชนิดนี้ตายง่ายต้องเป็นแหล่งปลาที่ชุกมากๆ ถึงจะได้ เพราะเราต้องรอปลาเค้าหาเหยื่อตัวหนอนอาจตายก่อน
ส่วนในเรื่องของบ่อปลาเลี้ยงง่ายมากสังเกตุดูว่าเจ้าของบ่อเอาอาหารอะไรโยน ให้ปลากิน ดูตอนเช้า กะตอนเย็นๆ โดยเอาอาหารนั้นมาผสมกับรำอ่อนๆและขนมปัง เท่านี้แหล่ะแจ๋วเลย แนะนำหน่อยน่ะว่ารำหน่ะต้องไม่เหม็นหืน เกร็ดเอาปลานิลตัวเล็กตามสันเขื่อน ปลานิลมักจะเลี้ยงลูกตามสันเขื่อนที่เป็นหินปูนที่เขาเรียงไว้เราไม่ต้องใช้ อาหารอะไรที่ยุงยากเลย เพียงขอเบ็ด เบอร์ 8 อันเดียวเท่านั้น ก็ตกได้เป็นกิโลฯ แล้ว สังเกตุดูว่าจะมีลูกปลานิลเล็กๆๆ อยู่กันเป็นฝูงแล้วดูรอบๆๆ จะพบพ่อปลาแม่ปลา ที่ดุมากหน้าจะออกสีดำแดงเพียงเราหล่อนตะขอเบ็ดลงไปบริเวณที่หน้าปลาพ่อปลา แม่มันจะเค้าตอดตะขอ แต่ต่องใช้ความเร็วหน่อยในการกระชากคันเบ็ด สูตรนี้ต้องใช้ฝีมือและความชำนาญหน่อยครับ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก numaer.com

วันพุธที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553

การตกแบบชิงหลิว - วิธีผูกพร้อมตก

วันนี้จะพาไปดูเงื่อนเลขแปดกันครับ เงื่อนนี้ใช้ผูกปลายสายเมน มาดูขั้นตอนกันดีกว่าครับ

1.ทบเอ็นแล้วทำตามรูปเลยนะครับ ห่วงที่ได้ประมาณสองนิ้วอย่าให้ใหญ่กว่านี้

2.เมื่อได้แล้วมัดห่วงเล็กๆที่ปลายห่วง ห่วงเล็กๆอันนี้เอาไว้ใช้ตอนจะเก็บสายกลับบ้านครับ




3.จากภาพเส้นที่หัวเป็นปมจะแทนไหมญี่ปุ่นที่ปลายคัน ให้เรานำสายที่มัดเงื่่อนเลขแปดไว้มาทำห่วงดังภาพ แล้วนำไหมญี่ปุ่นมาสอดเข้าในห่วง

4.รูดสายให้ตึง จะได้ดั่งรูปถ้าทำถูกต้องจะดึงไม่หลุดนะครับ จะสังเกตุว่าจะมีห่วงเล็กๆที่เราผูกไว้แต่ต้นโผล่ออกมา ห่วงนี้เวลาเก็บสายเลิกตกก็ดึงห่วงนี้สายเมนที่เรามัดไว้จะคลายออกโดยง่ายครับ




5.เป็นการวางลายสตอปเปอร์ ที่สายเมนครับ สีแดงเป็นจุดมาร์คทุ่นบอกระดับความลึกของจุดที่เราตก มีประโยชน์มากเวลาที่เราจะเปลี่ยนระดับเหยื่อมาเป็นเหยื่อแบบลอย เราสามารถเช็คระดับการลอยของเหยื่อโดยวัดจากจุดนี้ เมื่อทุ่นเลื่อนออกจากที่เดิมก็อาศัยมาร์คนี้ตั่งทุ่นใหม่ได้ครับ
สีเขียวดำด้าบบนใช้ตั่งทุ่นให้อยู่ในระดับความลึกที่ต้องการ สีเขียวดำด้านล่างเอาไว้ล๊อคทุ่นไม่ให้รูดลงไปที่ลูกหมุนกันปลายทุ่นเสียหายเวลาช้อนปลาด้วยสวิง ผมจะให้ห่างตัวเบ็ดประมาณ 50 cm ชุดนี้ใช้อยู่ปัจจุบันจะใช้ตัวเสียบทุ่นแบบรูดตามสายได้ ใครจะใช้แบบอื่นๆก็ได้นะครับ ถ้าเป็นแบบเสียบตายตัวก็ไม่ต้องใส่ลายสตอปเปอร์ที่เอาไว้กั้นทุ่น ใส่แต่ตัวมาร์คก็พอครับ ตัวเสียบทุ่นจะทำให้ผู้ตกสามารถเปลี่ยนทุ่นได้ง่าย ทำให้สามารถเปลี่ยนวิธีตกจากหน้าดินเป็นเหยื่อลอยได้รวดเร็วเพีนงแค่เปลี่ยนทุ่นเท่านั้น

6.รูปนี้เป็นชุดลูกหมุน จะมีลูกหมุนเล็ก แกนพันตะกั่วและลายสตอปเปอร์กันตัวแกนพันตะกั่ววิ่งไปมา แกนตัวนี้จะทำให้เราพันตะกั่วได้ง่ายและตัดตะกั่วเวลาตั่งทุ่นได้ง่ายดายครับ




ที่เห็นเป็นคันการไฟท์แบบซูม 4.5 เมตร แบบห้าท่อนครับท่อนปลายผมมัดปมไว้เลยถอดออกมาไม่ได้ ไม่ใช่คันทูแพคแบบต่อกันนะครับ คันนี้จะมีด้ามสั้นๆแถมมาอีกอันเอาไว้ให้เราเปลี่ยนความยาวคันเป็น 3.7 เมตรได้โดยใช้แทนด้ามอันยาว ที่จุดปิดเกลียวจะมีห่วงไว้ใส่สายเซฟตี้ครับมคันนี้มีทั้งสองด้าม มุมขวาล่างเป็นเอ็นถ่างสายเบ็ดสองตัวแทนสามทาง ทำจากเอ็นพันด้ายครับ

การวัดระดับน้ำ - การตกแบบชิงหลิว

1.เราเริ่มต้นด้วยการตั่งทุ่นเปล่าให้ตัวทุ่นตั่งตรง ให้ตัวเบ็ดและลูกหมุนลอยอยู่

1.1 วิธีถ่วงตะกั่วจะทุ่นลอยขึ้นมาถึงคอทุ่น เมื่อต้องการตกแบบเหยื่อแตะหน้าดินเพื่อเวลาเราตกจริงเมื่อเหยื่อหมดทุ่นจะลอยขึ้นมาในตำแหน่งนี้เพื่อบอกเราว่าเหยื่อหมด

1.2วิธีถ่วงตะกั่วให้ข้อสีของทุ่นจมลง2ข้อ จะเหมาะกับการตกแบบเหยื่อลอยจากผิวดิน ที่บังคับข้อสีให้จมลง2ข้อก็เพื่อต้องการให้สามารถสังเกตุอาการทุ่นเวลาที่ปลาเข้ามากินเหยื่อแล้วหนุนทุ่นให้ลอยขึ้นจากตำแหน่งเดิมได้ง่าย ความจริงเราจะตั่งให้ข้อสีจมลงไปมากน้อยได้ตามความต้องการครับ การตกปลาไม่มีอะไรตายตัวเปลี่ยนแปลงไม่ได้ปรับใช้ให้เหมาะกับเราจะดีที่สุดครับ

2.เมื่อตั่งทุ่นปล่าวได้แล้ว(แบบ1.1) ใช้ดินขอบบ่อหุ้มที่ตัวเบ็ดโยนไปในตำแหน่งที่ต้องการ เลื่อนลายสตอปเปอร์จนข้อสีโผล่พ้นน้ำ จะมากหรือน้อยแล้วแต่กระแสลมว่ามีความแรงมากน้อยเพียงใด กล่าวคืือถ้ามีลมแรงเราสามารถหลบก้านทุ่นลงให้ข้อสีโผล่มาน้อยข้อก็ทำได้ครับ เมื่อได้ตามความต้องการแล้วก็หุ้มเหยื่อจริงตกปลาได้เลย ถ้าเป็นแบบ1.2 ใช้เหยื่อหุ้มตกได้ทันทีถ้าทุ่นจมหมดดอกให้เปลี่ยนทุ่นให้มีขนาดใหญ่ขึ้น

2.1วิธีถ่วงตะกั่วให้ทุ่นจมลงทั้งดอกแบบช้าๆ ใช้กับวิธีตกแบบลูกหมุนแตะพื้น มือสปิ๋วจะตกแบบนี้กันเป็นส่วนใหญ่

การวัดระดับน้ำง่ายๆด้วยการรูดลายสตอปเปอร์จนข้อสีโผล่พ้นน้ำเช่นกัน


การตกแบบชิงหลิว

มารู้จักอุปกรณ์ที่ควรมีกันก่อน จะมีกันครบหรือไม่ก็แล้วแต่ความจำเป็นของแต่ละท่าน
  • 1.คันเบ็ด
  • 2.สายเอ็น
  • 3.ทุ่น
  • 4.ลูกหมุน
  • 5.ลายสตอปเปอร์
  • 6.สวิงช้อนปลา(ด้ามควรจะยาว)
  • 7.ที่พัก-ที่ตั่งคันเบ็ด
  • 8.กระชังขังปลา
  • 9.ที่ใส่เหยื่อ
  • 10.เก้าอี้
เตรียมกันพร้อมแล้วนะครับ คันชิงหลิวจะแพงจะถูกอย่าไปสนใจครับ มาดูขนาดกันก่อนดีกว่าบ้านเราคันขนาด3.6เมตร-4.5เมตรน่าจะเหมาะสมครับ หากยาวกว่านี่โอกาสหักมีมาก ส่วนคันสั้นๆที่ชอบซื้อหากันนั้นจะไม่สามารถส่งเหยื่อได้ไกลพอและจะตั่งทุ่นลำบากมาก วันนี้ยังไม่มีภาพนะครับติดไว้ก่อน
มาเตรียมคันกันดีกว่า คันชิงหลิวที่ปลายบนจะมีไหมญี่ปุ่นติดมาทุกคันนะครับ ปรกติเราจะเอาเอ็นทำห่วงไว้คล้องกับไหมตัวนี้ เพราะเวลาเก็บคันจะได้แกะออกได้ ทีนี้มาดูที่ด้ามจับกัน ที่นี่ควรจะมีห่วงเอาไว้ใส่สายเซพตี้(มันคือเชือกร่มหรืออะไรที่ท่านคิดว่าเอามาแทนได้) ควรจะยาวเริ่มที่ 2เมตรถึง15เมตร ผมเคยสังเกตุคนญี่ปุ่นไม่ใช้กัน เพราะเขาจะตกปลาไม่เกิน1กิโลกันด้วยสายหน้า2-4lb









เขาจะยอมให้สายขาดไปไม่ยอมให้คันหัก ขัดต่ออุปนิสัยของคนไทยอย่างยิ่ง คือบ้านเรานิยมปลาใหญ่ สายเอ็นที่ใช้น่าจะ6-8lb ก็น่าจะพอ อีกอย่างการใช้สายเซพตี้จะกินพื้นที่กว้างมาก รบกวนคนข้างๆโดยไม่สมควร






สายเอ็นที่ใช้จะมีความยาวเท่ากับคันเบ็ด เช่นคัน 3เมตรสายก็ 3เมตรด้วยแล้วจึงผูกลูกหมุน บ้านเราก็จะใช้ลูกหมุน3ทางผูกกันเป็นส่วนมาก แต่ที่ดีให้ใช้สายเอ็น10-12lb ผูกเป็นห่วงสองห่วงกับลูกหมุนแทนสามทาง ข้อดีคือลูกหมุนสามทางจะพันกันและบาดสายขาดได้ง่าย แต่เอ็นจะให้ตัวดีกว่าและความแข็งของเอ็นจะถ่างสายหลีดทั้งสองเส้นได้อยู่แล้ว ห่วงทั้งสองก็มัดสายหลีดให้เส้นหนึ่งยาวก่ว่าอีกส้นหนึ่ง5ซ.ม คือถ้าเส้นแรกยาว20ซ.ม.อีกเส้นก็25ซ.ม.










มาต่อเรื่องทุ่นกันดีกว่าครับ ผมจะมาว่าถึงเรื่องขนาดของทุ่นนะครับ ไอ้ที่ว่าทำจากอะไรดีนี่ก็นานาจิตตัง ผมขอให้หางทุ่นเรียวและแข็งหน่อย
เพราะมันจะทนทานและไม่ต้านลมมาก ซึ่งมีผลกับการตกปลามากคือ เราจะอ่านการสื่อสารจากทุ่นได้ยาก เหยื่อจะลอยไปตามกระแสลมที่พัดหางทุ่นและสายเอ็น

ทุ่นจะแบ่งออกเป็น3ระดับ
  1. ทุ่นน้ำ้ตื้น ตัวทุ่นไม่รวมหางและก้านทุ่น จะยาว3-5 นิ้ว ใช้กับน้ำลึก 50-80 ซ.ม.
  2. ทุ่นน้ำ้ปานกลาง ตัวทุ่นไม่รวมหางและก้านทุ่น จะยาว5-7 นิ้ว ใช้กับน้ำลึก 80-150 ซ.ม.
  3. ทุ่นน้ำ้ลึก ตัวทุ่นไม่รวมหางและก้านทุ่น จะยาว7-10 นิ้ว ใช้กับน้ำลึก 150 ซ.ม.ขึ้นไป
การใช้ทุ่นที่ผิดขนาดของมันเช่นเอาทุ่นน้ำตื้นมาใช้ที่ๆมีน้ำลึกมากๆ เราจะตั้งทุ่นยากมาก ทุ่นจะทรงตัวไม่ดีออกอาการง่ายมากเกินไป สังเกตุหางทุ่นยากเพราะมันสั้นมาก

ทุ่นชิงหลิวสามารถตกปลาได้ทั้งเหยื่อลอยและหน้าดิน เรามาุดูแบบเหยื่อลอยกันก่อน อย่างแรกคุณต้องมีทุ่นที่รับน้ำหนักเหยื่อได้ก่อน ลองใส่เหยื่อดูแล้วเอาลงน้ำถ้าทุ่นจมหายไปเลยแสดงว่าใช้ไม่ได้ การตั่งทุ่นชิงหลิวที่ดีนั้นไม่ว่าจะใช้เหยื่อแบบลอยหรือแบบหน้าดิน หางทุ่นเมื่อตั่งทุ่นที่มีเหยื่อหางทุ่นจะโผล่ขึ้มาครึ่งหนึ่งเสมอ เวลาที่เหยื่อหมดจะลอยถึงคอทุ่น(รอยต่อระหว่างหางทุ่นกับตัวทุ่น) เพื่อให้รู้ว่าเหยื่อหมดแล้ว เราเริ่มต้นที่บ้านนะครับเอาทุ่นมาประกอบเโดยไม่มีเหยื่อ แล้วลองในถังหรือโอ่งดูว่าเราจะใช้ตะกั่วแค่ไหน ที่ทำให้ทุ่นลอยขึ้นมาแค่คอทุ่น เมื่อได้แล้ว เอาไปใช้ที่บ่อปลาได้เลย เวลาจะตกเราก็ต้องมาเช็คระดับความลึกกันก่อนใช่ไหมครับ

โดยทั่วไปการตกแบบหน้าดินนิยมเป็น2แบบ คือส่วนที่แตะพื้นบ่อเป็นตัวเบ็ดที่หุ้มเหยื่อและใช้ลูกหมุนแตะที่พื้นบ่อแทน วิธีการก็คือเมื่อประกอบคันเรียบร้อยแล้วจะตกแบบไหนก็ให้เอาตะกั่วแผ่นมามาหนีบ ถ้าไม่มีก็เอาดินขอบบ่อหุ้มแทน ถ้าเป็นการตกแบบให้ลูกหมุนแตะก็นำตะกั่วมาหนีบเหนือลูกหมุน แล้วตั้งทุ่นดูให้ได้ระดับกลางหางทุ่นพอดี วิธีนี้เหยื่อหมดจะไม่รู้ตัวเพราะทุ่นจะไม่เคลื่อนไหว

วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553

เทคนิคการเดินตีเหยื่อปลอม

เทคนิคการเดินตีเหยื่อปลอม

นักตกปลาด้วยเหยื่อปลอมแต่ละคนต่างก็มีวิธีและเทคนิคเฉพาะตัวในแบบของตัว เอง การตกปลาด้วยเหยื่อปลอมในหมายธรรมชาติหรือบ่อปลาขังก็ขึ้นอยู่กับสภาวะ แวดล้อมของแต่ละหมาย
ไม่ว่าจะเป็นหมายที่โล่งหรือหมายที่รกร้างและมีพื้นที่ผิวน้ำไม่มาก นัก หมายธรรมชาติหลายแห่งสภาพที่ทุรกันดาร ซึ่งอาจจะมีทั้ง สวะ กอหญ้า ต้นไม้กลางน้ำ สตรัคเจอร์ต่างๆ การตีเหยื่อปลอมแต่ละจุดนักตกปลาจึงต้องใช้ประสบการณ์ของ ตนเองในการเลือกใช้วิธีการตีเหยื่อและอุปกรณ์ที่เหมาะสม

วิธีการตีเหยื่อแบบต่างๆ และท่าตีทั้งแบบ โอเวอร์เฮด ไซด์คาส หรือพิชชิ่ง เป็นเทคนิคที่จำเป็นมากสำหรับการตีเหยื่อในพื้นที่หรือสภาพ หมายที่แตกต่างกัน รวมทั้งการตีเหยื่อในกรณีที่อยู่บนเรือ แต่สิ่งที่จะพูดถึงในบทความนี้คือวิธีการเดินตีเหยื่อปลอมรูปแบบต่างๆ ที่ตัวผมเองมีความถนัดและนิยมใช้บ่อยๆ ตามหมายธรรมชาติ เพราะการเดินตีเหยื่อในบ่อปลาขังนักตกปลาหลายท่านคงมีความ ถนัดกันมากพออยู่แล้ว

วิธีการเดินตีเหยื่อปลอมที่ผมจะอธิบายต่อไปนี้ไม่ได้เป็นรูปแบบที่ตายตัวว่า ต้องตีแบบนี้เท่านั้นจึงจะมีโอกาสได้ปลา แต่หมายความว่าการเดินตีเหยื่อในหมายที่เราไม่เห็นปลาขึ้นจิบ หรือหมายที่มีสภาพโล่ง หรือมีพื้นที่ในน้ำที่ค่อนข่างโล่ง หรือมีอุปสรรคกลางน้ำ วิธีที่ผมนำมาเสนอนี้ก็อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ท่านอาจจะเลือกเอาไว้ใช้ พิจารณาและประยุกต์ใช้กับการตกปลาของท่านก็ได้ครับ

สำหรับท่านที่มีประสบการณ์ในการเดินตีเหยื่อปลอมมากอยู่แล้ว ท่านก็สามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันหรืออาจจะนำเสนอวิธีการเดินตีเหยื่อ ปลอมที่แตกต่างไปจากวิธีที่ผมใช้อยู่ก็ได้ครับ เพราะการตกปลาไม่มีอะไรตาย ตัว อุปกรณ์และเทคนิคต่างๆ ที่ใช้ได้ผล จะต้องเหมาะสมกับสภาวะการณ์ในขณะนั้นด้วย

การเดินตีเหยื่อปลอมก็เป็นทริคอย่างหนึ่งที่อาจช่วยท่านได้เช่นเดียวกัน

เป็นการตีเหยื่อรอบทิศทางจากจุดที่เรายืนอยู่ เมื่อตีรอบทิศทางแล้วก็ออก เดินต่อไปในระยะ 10 -15 เมตร และหยุดตีเหยื่อในลักษณะนี้และเดินตีเหยื่อต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ

เป็นการตีเหยื่อจากระยะสั้นและเพิ่มระยะไปเรื่อยๆ จากระยะสั้นโดยอาจจะเริ่มจากระยะ 20 เมตรในไม้แรก และไม้ที่ 2 ก็เพิ่มเป็นระยะ 25 เมตร โดยเพิ่มระยะการตีเหยื่อให้ไกลขึ้นอีกในไม้ต่อๆไป ในจุดเดียวกันเราอาจจะตี เหยื่อลักษณะนี้ 3 - 4 ครั้ง และย้ายจุดตีเหยื่อด้วยการออกเดินต่อไปอีกประมาณ 5 - 10 เมตร เพื่อหยุดตีเหยื่อ และก็เดินตีเหยื่อปลอมในลักษณะนี้ต่อไปเรื่อยๆ

การตีเหยื่อลกัษณะนี้เหมาะกับหมายที่เป็นบึง หรือหนองน้ำที่มีพื้นที่เป็นน้ำค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าตีเหยื่อในพื้นที่ทีี่่ มีผิวน้ำโล่งน้อย ก็อาจจะเริ่มจากระยะ 5 - 10 - 15 เมตร ก็ได้เช่นกัน

หมายเหตุ อาจจะตีเหยื่อจากระยะสั้นและเพิ่มระยะให้ไกลขึ้น แล้วจึงลดระยะให้สั้นลงมาก็ได้ แล้วจึงค่อยเดินย้ายจุดต่อไป

เป็นการเดินตีเหยื่อเลาะตลิ่ง โดยตีเหยื่อเลาะตลิ่งไปทางด้านใดด้านหนึ่ง 4 - 5 ไม้ แล้วจึงเดินย้ายจุดเพื่อตีเหยื่อในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ

หมายเหตุ การเดินตีเหยื่อ เราอาจจะตีเหยื่อเลาะตลิ่งสลับไปมาซ้ายขวาก่อนที่จะออกเดินย้ายจุดตีเหยื่อก็ได้

เป็นการเดินตีเหยื่อไปยังสตรัคเจอร์หรือเกาะแก่งที่โผล่กลางน้ำ หรือต้นไม้ที่ตายซากอยู่กลางน้ำ โดยตีเหยื่อให้เลยไปเล็กน้อย และย้ายจุดตีให้ทั่วทุกด้านของต้นไม้กลางน้ำ นั้น โดยหยุดตีจุดละ 2 - 3 ครั้ง ก่อนที่ย้ายจุดเพื่อเปลี่ยมมุมในการตี โดยย้ายจากจุดเดิมด้วยระยะ 5- 10 เมตร

วิธีนี้เหมาะสมสำหรับการตีเหยื่อปลอมแบบลอยน้ำมากกว่า เพราะเราไม่ทราบว่า เกาะแก่งหรือต้นไม้ที่โผล่กลางน้ำเหล่านั้น บริเวณรอบๆของมันอาจจะมี อุปสรรคใต้น้ำหรือไม่ หากเราใช้เหยื่อปลอมแบบจมน้ำตีเข้าหาสตรัคเจอร์ หรือต้นไม้กลางน้ำเหล่านั้น เราอาจสูญเสียเหยื่อปลอมที่รักของเราได้ เหยื่อแบบ Top water และเหยื่อปลั๊กแบบ Floating ที่ลอยตัวขึ้นเมื่อหยุดกรอสายจะทำให้ลดอัตราความเสี่ยงของการสูญเสียเหยื่อ ได้

แต่ถ้าจะลองใช้เหยื่อดำกลางหรือดำลึกตีเข้าหาเกาะแก่งเหล่านั้นก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

วิธีการเดินตีเหยื่อปลอมแบบผสม โดยนำเอาทุกวิธีมาประยุกต์ใช้ผสมกันไป เพราะในหมายเดียวกันเราอาจจะพบสภาพ ที่แตกต่างกันคือมีทั้งพื้นที่น้ำที่โล่ง มีทั้งสวะริมตลิ่ง และมีทั้งต้นไม้กลางน้ำ โดยนักตกปลาใช้ดุลยพินิจและประสบการณ์เลือกใช้แต่ ละวิธีมาผสมกันเอาเองตามอัธยาศรัย

การเดินตีเหยื่อเหล่านี้เป็นเทคนิคเล็กน้อยที่ผมนำมาเสนอเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าต้องเดินแบบนี้เป็นสูตรสำเร็จจึงจะได้ปลา แต่อาจจะเหมาะกับนักตกปลามือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นและกำลังหัดตีเหยื่อปลอม

การเดินตีเหยื่อปลอมคือการขยายขอบเขตการตกปลาของเราออกไป โดยเฉพาะหมาย ธรรมชาติ ดังนั้นการเดินตีเหยื่อปลอมนอกจากจะสร้างความหลากหลายและเป็น เทคนิคที่จำเป็นแล้ว ยังสามารถที่จะเพิ่มโอกาสได้ปลาของท่านให้มากขึ้นกว่า เดิมอีกด้วยครับ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก numaer.com

เทคนิคการเกี่ยวปลายาง

เทคนิคการเกี่ยวปลายาง














ขอขอบคุณข้อมูลจาก numaer.com

เทคนิคการเกี่ยวเหยื่อยางโดยรวม

เทคนิคการเกี่ยวเหยื่อยาง


1. วิธีเกี่ยวหนอน แบบซ่อนคมเบ็ด ใช้ตกแบบ Texas หรือ Carolina Rig (สามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับเหยื่ออื่นๆ เช่น กบยางผิวน้ำได้)
รูปที่1 วัดตัวเบ็ดกับเหยื่อ ว่าเบ็ดจะทะลุตรงไหน แล้ว เอาคัตเตอร์แทงให้ทะลุตัวเหยื่อ ตามรูป
รูป 2,3,4 เกี่ยวเหยื่อแบบปกติ แล้วซ่อนคมเบ็ด

วิธีนี้จะทำให้ การเซ็ทฮุก มีอำนาจทะลุทะลวงมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเรากรุยทางไว้ให้ตัวเบ็ดแล้ว
ลดปัญหา การวัดแล้วไม่ติดปลาบ่อยๆ

หมายเหตุ ความพอดีระหว่างเหยื่อกับตัวเบ็ด ก็มีความสำคัญมาก
จากรูปที่ 4 จะเห็นว่าเมื่อเกี่ยวเหยื่อแล้ว ท้องเบ็ดไม่แนบกับตัวเหยื่อมากเกินไป

2. การเกี่ยวปลายางด้วยหัวจิ๊ก จะสังเกตุว่าท้องเบ็ดโผล่ออกมามากกว่าปกติ
เพราะเกี่ยวเฉียงขึ้นไปทางหลังเหยื่อมากขึ้น
วิธีนี้ ลดปัญหาปลากัดแล้วไม่ติด และ ปลาสะบัดเบ็ดหลุดบ่อยๆ

หมายเหตุ รูปหัวจิ๊กที่ใช้เกี่ยวปลายาง ดูแปลกๆขออภัย พอดีหารูปหัวกลมแล้วมันไม่ชัด
หัวจิ๊กแบบนี้เรียกทรง Erie นิยมใช้กับหนอนยาง เน้นกระตุกมากกว่ากรอเฉยๆ เพราะมันจะพาเหยื่อตั้งขึ้นเล็กน้อยเวลาจมอยู่ใต้น้ำ
3. การเกี่ยวหนอน ตีผิวน้ำ แบบ กบ
รูปที่ 5 ใช้ตะกั่วฟิวส์ พันที่ก้านตัวเบ็ด (ตัวเบ็ดแบบมีสปริงล็อคเหยื่อ) เพื่อเพิ่มน้ำหนัก ส่งเหยื่อได้ไกลยิ่งขึ้น
แก้ปัญหา กบแพง ใช้หนอนตัวไม่เกิน 10 บาท
หรือจะเอาไว้เล่นใต้น้ำก็ได้ เหมาะสำหรับน้ำตื้น




รูปที่ 6 ใช้สำหรับเหยื่อใหญ่ (ปลายาง 4 นิ้วขึ้นไป) แต่เบ็ดจิ๊กตัวใหญ่หาซื้อยาก
ให้เอาลวดสลิง ผูกกับท้องเบ็ดจิ๊ก แล้วมาผูกกับเบ็ดสามทาง โดยเอาคมนึงจิ้มลงไปในตัวเหยื่อ เพื่อยึดเกาะ

รูปที่7 แนวคิดคล้ายรูป 6 ใช้ แต่เบ็ดเอาไปไว้ข้างล่างแทน เหมาะปราบกระพงเขี้ยว



รูปที่ 8 อันนี้เกิดจาก เพื่อนไปลอง บ่อกระพง เขี้ยวๆ ควักเหยื่อมาสารพัดชนิดไม่กิน
ลองตีกบ ปุ๊บ โดนปั๊บ หลายทีแต่ไม่ติด จัดแจงพ่วงเบ็ด3ทางลงไป ได้เรื่องทันที
จะเอาไปใช้กับชะโด ก็ได้นะครับ ไปไกลๆทั้งทีไม่ได้เสียดายแย่



ขอขอบคุณข้อมูลจาก numaer.com

วิธีผูกเหยื่อปลอม

วันนี้เอาวิธีผูกเหยื่อปลอมมาฝาก

ชุดตะขอเดี่ยว

แบบนี้เรียกกันว่าแบบไร้สาร คือไม่มีตะกั่วเลยมีแค่ตัวเบ็ดกับลูกหมุนบางคนร้อยลูกปัดเพิ่มไปอีกสามถึงสี่เม็ด
เอาไว้ตกปลากินเหยื่อยากโดยจะหุ้มเหยื่อไว้กับลูกหมุนแล้วเหน็บเหยื่อที่ตัวเบ็ด เหยื่อจะตกน้ำแล้วลอยอยู่ก่อนจึงจมลงช้าๆ
เหมือนอาหารที่บ่อเขาให้ และเวลาเหยื่อตกน้ำจะเบาไม่ดังตูมตามครับ ที่สำคัญ!!!ตียากนิดนึงนะครับ


นี่เป็นแบบที่ใช้ได้สองรูปแบบ 1.ใช้ขนมปังเหน็บตัวเบ็ดชิ้นเดียวเลย 2.ใช้เหยื่อหุ้มตะกั่วก่อนแล้วเอาต้วเหน็บแปะข้างเรียกว่า"ลูกโดด"ครับ

ชุดตะกร้อตกปลาแบบต่างๆ

ภาพนี้เป็นตะกร้อตีรำ,เหยื่อขนมปัง,เหยื่อนวดแบบตกปลาหน้าดิน ใช้ได้ทั่วไปทั้งแม่น้ำ,ลำคลอง,หนอง,บึง,เขื่อน,อ่างเก็บน้ำและบ่อตกปลาทั่วไป เข้าชุดตามภาพเลยนะครับ
ส่วนสายระหว่างตัวเบ็ดกับตะกร้อจะยาวหรือสั้นแค่ไหนใช้สายเอ็น,ไดนีม่าหรืออะไรก็แล้วแต่สถานที่


แบบนี้เพิ่มตะกั่วสำหรับ เวลาที่มีลมแรง ปลาไม่ระแวงมากจะทำให้เหยื่อจมน้ำได้เร็วและอยู่นิ่งกับที่มากกว่า เป็นการเพิ่มน้ำหนักเหยื่อไปในตัวทำให้ตีเหยื่อได้ไกลมากขึ้นอีกด้วย


รูปแบบนี้เป็นแบบมีทุ่นลอยแขวนเหยื่อไว้ไม่ให้จมลงสู่หน้าดิน ปรับระดับความลึกของเหยื่อโดยลายสต๊อปเปอร์กำหนดระยะความลึกได้ตามความต้องการ นิยมมากตามบ่อตกปลา อ่างเก็บน้ำที่มีระดับความลึกมากๆครับ หรือแหล่งน้ำที่พื้นมีอุปสักตอไม้ก้อนหินอยู่ในน้ำ ทำให้เราตกปลาได้โดยไม่เสียตะกร้อไปจากการไปติดกับอุปสักต่างๆได้เป็นอย่างดี


แบบต่อมาเหมือนแบบที่สาม แต่เราเพิ่มตะกั่วเข้าไปนิยมเรียกว่า ทิ้งสมอ กันทุ่นลอยออกจากตำแหน่งที่เราหมายตาไว้เพราะแรงลมจะพัดทุ่นลอยออกจากตำแหน่งที่อ่อยเหยื่อไว้ครับ แก้ปัญหาสายเอ็นไม่จมน้ำอย่างได้ผลดี


แบบต่อมาเป็นตะกร้อวิ่งหน้าดิน ตัวตะกร้อจะไม่ยึดติดตายเหมือนแบบแรก สายเอ็นที่ร้อยผ่านท่อที่ทำไว้จะช่วยให้สายเอ็นและชุดสายหน้าไหลไปอย่างอิสระ เมื่อปลาเข้ามาดูดเหยื่อล่อโดยไม่มีน้ำหนักที่ก้อนเหยื่อมาถ่วงรั้งไว้ ตะกร้อสปิงขดแบบเป็นตะกร้อวิ่งก็มีนะครับ
ตะกร้อวิ่งมีหลายรูปแบบ แต่ที่เหมือนกันคือจะมีการนำท่อมาประกอบสำหรับร้อยสายเอ็นผ่านตัวตะกร้อ ตะกร้อแบบนี่จะเหมาะกับเหยื่อขนมปังปั่นหยาบชิ้นเหยื่อจะใหญ่หน่อย
เวลาปั้นเหยื่อให้กำเหยื่อเป็นสองชั้นนะครับ ชั้นแรกกำให้แน่นๆแล้วหุ้มด้านนอกอีกชั้นกำเบาๆเอาแค่ตีแล้วไม่แตกกลางอากาศก็พอ


อันนี้เป็นแบบหน้าดินเพิ่มตะกั่ว


นี่เป็นแบบทุ่นลอยตะกร้อวิ่ง นิยมมาก ถ้าจะทิ้งสมอก็เพิ่มตะกั่วเข้าไปครับ


ชุดนี้เป็นทุ่นกับตะกร้อสมานฉันท์กัน ชื่อเรียกมีหลายชื่ออย่าไปสนใจมันเลย
คุณสมบัติที่พิเศษคือใช้กับปลาที่รวมฝูงกันขึ้นมาจิบน้ำได้ผลมากๆ




วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

วิธีผูกตัวเบ็ดแบบต่างๆ

วันนี้ว่างๆเลยนั่งหาวิธีผูกเบ็ดมาลงไว้ให้เพื่อนๆดูกันเผื่อจะมีประโยชน์บ้าง

ถ้าเจออีกจะเอามาลงให้ใหม่นะครับวันนี้เอาไปดูเล่นๆก่อนนะ


Fisherman's Knot - For more funny movies, click here

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2553

เทคนิคการตกปลาล่าเหยื่อ - การตกปลาช่อน

ต้องออกตัวก่อนน่ะครับว่าไม่ใช้ผู้ที่มีความรู้มากมายหรือว่าเป็นเซียนมาจากที่ไหนถึงได้มาแนะนำวิธีการตกปลาช่อน แต่เป็นเพียงความต้องการที่จะแชร์ประสบการณ์และเทคนิคที่ได้เคยสัมผัสมาเท่านั้น การตกปลานั้นไม่มีอะไรแน่นอนตายตัวเสมอไป การได้หรือไม่ได้ปลานั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างมาก ฉะนั้นแล้วขอให้บทความนี้เป็นกรณีศึกษาอีกตัวอย่างหนึ่งก็แล้วกันน่ะครับ

ปลาช่อน

ภาพปลาช่อน

ปลาช่อน ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Channa striata อยู่ในวงศ์ปลาช่อน (Channidae) มีส่วนหัวค่อนข้างโต รูปร่างทรงกระบอกยาว ครีบหางเรียวปลายมน ปากกว้าง ภายในปากมีฟันเขี้ยวบนเพดาน ลำตัวสีคล้ำอมมะกอกหรือน้ำตาลอ่อน มีลายเส้นทแยงสีคล้ำตลอดทั้งลำตัว 6 - 7 เส้น ด้านท้องสีจางตัดกับด้านบน ครีบสีคล้ำมีขอบสีเหลืองอ่อน ครีบท้องจาง มีขนาดลำตัวประมาณ 30 - 40 ซ.ม. ใหญ่สุดได้ถึง 1 เมตร โดยปลาช่อนชนิดนี้มีความพิเศษไปกว่าปลาช่อนชนิดอื่น ๆ คือ สามารถแถกไถตัวคืบคลานไปบนบกเพื่อหาที่อยู่ใหม่ได้ รวมทั้งสามารถหลบอยู่ใต้ดินในฤดูฝนแล้งเพื่อรอฝนมาได้เป็นแรมเดือน โดยสะสมพลังงานและไขมันไว้ ที่เรียกว่า "ปลาช่อนจำศีล" พบอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำทั่วประเทศไทย พบไปจนถึงเอเชียใต้ พม่าและอินโดนีเซีย นิยมนำมาบริโภค ปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายทั้งสดและตากแห้ง เป็นปลาน้ำจืดเศรษฐกิจที่สำคัญจนอาจเรียกได้ว่าเป็นปลาน้ำจืดเศรษฐกิจอันดับหนึ่ง เลี้ยงได้ทั้งในบ่อและกระชังตามริมแม่น้ำ นอกจากนี้ยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามด้วย โดยเฉพาะตัวที่สีกลายเป็นสีเผือกหรือปลาที่พิการตัวสั้นกว่าปกติ

ลักษณะโดยทั่วไปของปลาช่อน

ปลาช่อนเป็นปลาล่าเหยื่อที่มีนิสัยดุร้ายหวงถิ่นโดยมันจะอาศัยอยู่เพียงตัวเดียวภายในบริเวณที่เป็นอณาเขตตามตอไม้หรือพงหญ้าใต้น้ำ ยกเว้นในช่วงเลี้ยงลูกที่ปลาช่อนจะจับคู่ช่วยกันเลี้ยงลูกหรือที่เรียกว่า ลูกคอก ปลาช่อนโดยส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในเขตน้ำตื้น ลึกซักประมาณ 0.5-2 เมตร สังเกตจากประสบการณ์ส่วนตัวน่ะครับ เพราะปลาช่อนเป็นปลาที่ต้องมีการขึ้นมาจิบน้ำเอาฟองอากาศฉะนั้นมันจึงจะไม่อาศัยอยู่ในน้ำที่ลึก อาจจะมีช่วงที่ลงไปหากินหรือหลบภัยที่ปลาช่อนจะลงไปอยู่ติดกับพื้นดินใต้น้ำหรือมุดโคลน บริเวณที่ปลาช่อนชอบอาศัยหากินคือบริเวณริมตลิ่ง โดยจะอำพรางตัวอยู่คอยไล่งับลูกปลาหรือพวกฝูงปลาซิวตัวเล็ก ๆ หรือพวกกบเขียด ต่าง ๆ จุดสังเกตบริเวณที่ปลาช่อนทำการล่าเหยื่อคือ ให้คอยสังเกตดูฝูงประซิวที่วิ่งแตกกระจาย รวมทั้งกระโดดพ้นน้ำเป็นย่อม ๆ นั่นคือพวกมันถูกปลาช่อนไล่ล่านั่นเอง

ภาพปลาลูกคอก

อีกอย่างอันนี้เล่าจากประสบการณ์ เนื่องด้วยที่บ้านเกิดทำอาชีพทำนาและก็มีปลาช่อนเยอะ ตอนเด็ก ๆ ผมจะสังเกตเห็นรวมทั้งผู้เฒ่าผู้แก่ก็อบอกเล่ามาเช่นกัน ก่อนการทำนาในหน้าฝน น้ำท่วมขังทุ่งนา ปลาช่อนจะออกจากบึงและห้วยมาผสมพันและเลี้ยงลูกคอกในนา เมื่อถึงเวลาที่ต้นข้าวเติบโต จะมีน้ำที่ขังอยู่ในนา ปลาช่อนตัวที่มาเกิดในนาก็จะหากินและเติบโต อยู่ในนานั่นเอง จุดสังเกตว่ามีปลาช่อนอยู่ในนาหรือไม่ ให้ไปเดินตามท้องนาในเวลาเย็น ๆ จะได้ยินเสียงปลาช่อนล่าเหยื่อ ไล่กัดลูกปลาและแมลงตามต้นข้าว เสียงดัง จ๊บ ๆ เลย ถ้ามีปลาช่อนเยอะเสียงจะดังระงมเลยที่เดียว ผ็เฒ่าผู้แก่จะใช้วิธี เอาเบ็ดโด่ ไม่รู้ว่าที่อื่นเรียกอย่างไรน่ะครับ แต่ที่บ้านเกิดผมเรียกอย่างนี้ ได้ยินมาว่าบางที่เรียก เบ็ดยก ลักษณะจะเป็นคันไม้ไผ่ยาว ๆ ประมาณ 5 เมตรขึ้น ใช้เบ็ดที่ทำขึ้นเองจากลวด ขนาดประมาณเบ็ดจิ๊ก ตัวใหญ่ ๆ เกี่ยวด้วยเขียด ตัวขนาดหัวแม่มือ หรือบางที่ก็ไช้ดอกกระเจี๊ยบ ดอกกระเจี๊ยบจริง ๆ น่ะครับ เกี่ยวที่ตัวเบ็ดแล้วก็ทำการหย่อนเข้าไปในนายกขึ้นลงเป็นจังหวะช้า ๆ เมื่อปลางับก็ยกขึ้นตัวลอยมาปลดเลย บางทีในนานั้นมีกบ กบก็กินเหยื่อพวกนี้ด้วยครับ บางที่เคยเห็นจะใช้ปลาหมอ เป็นเหยื่อ ปลาช่อนที่อาศัยอยู่ในนาจะตัวใหญ่และอ้วนมากเนื้อเยอะเพราะเหยื่อตามธรรมชาตินั้นเยอะมากทั้งลูกปลา แมลง เขียด ต่าง ๆ เยอะ ดังนั้นปลาที่ได้ในนาจะมีเนื้อที่อร่อยและอ้วนถ้วนสมบูรณ์ครับ

ภาพการหยกปลาช่อน

เล่าต่อพวกปลาช่อนที่อาศัยอยู่ในนาเมื่อเข้าฤดูปลายฝนต้นหนาวหรือประมาณ เดือนกันยายนถึง ตุลาคม ช่วงนี้น้ำในนาจะเริ่มลด และข้าวก็กำลังออกรวง ปลาช่อนพวกนี้ก็จะทำการอพยพบออกจากนาโดยจะพากันหาบริเวณที่น้ำไหลหรือคันนาขาด ทั้งกระโดดและว่ายหาทางเพื่อที่ลงสู่แม่น้ำหรือบึงธรรมชาติต่อไป ช่วงนี้แหละที่ผู้เฒ่าผู้แก่จะใช้อุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งในการจับปลาช่อนอพยพ ที่เรียกว่า อีโต่ง มีลักษณะคล้ายอวน

ภาพอีโต่ง

โดยจะใช้ตาขายจากแหเก่า ๆ มาผูกติดกับไม้สองท่อน ลักษณะจะเป็นคล้าย ๆ กับเปลหรืออะไรซักอย่าง โดยจะนำไปปักไว้กับบริเวณที่เป็นร่องน้ำ และจะเอาโคลนมาราดเป็นลานน้อย ๆเพื่อล่อให้ปลาช่อนมากระโดด การเอาโคลนมาราดนี้เป็นภูมิปัญญาของคนสมัยก่อนที่เค้ารู้กันน่ะครับ เหมือนหลอกปลาว่าตรงนี้เป็นบริเวณที่น่าจะกระโดดน่ะ
เมื่อปลากระโดดก็จะไปติดห้อยอยู่กับ อีโต่งที่ปักไว้ โดยต้องใส่ตอนกลางคืนน่ะครับ เพราะปลามันจะทำกาอพยพ ตอนกลางคืน บางวันได้เยอะมาก ๆ น่ะครับ อันละ 10 ตัวก็ยังได้เลย
ฟังผมเล่ามาแล้วอย่าคิดว่าปลาช่อนจะหายหมดน่ะครับ เพราะหากินกันยาวเลย แต่ที่จริงแล้วชาวบ้านเค้าจะหากันแค่พอกินในแต่ละวันเท่านั้น เมื่อก่อนน่ะ แต่เดี๋ยวนี้คงไม่เหลือให้หากันแล้วเพราะหลายอย่างเปลี่ยนไปมาก จากหาอยู่หากินกลายเป็นการหาเพื่อจำหน่ายไปแล้วมีเท่าไหร่หมดไม่เหลือ


เล่าไปเยอะคราวนี้ก็มาถึงเรื่องของอุปกรณ์ตกปลาที่จะใช้ตกปลาช่อนกันน่ะครับ

ชุดเบ็ดตกปลาช่อน
อุปกรณ์ต้องบอกก่อนว่าไม่ต้องไปคิดอะไรมากมียังไงก็ใช้อย่างนั้นได้ครับแต่อย่าใช้ชุดที่ใหญ่หรือว่าเล็กเกินไปก็แล้วกันเพราะอาจทำให้เกิดความเกะกะและไม่สมดุลกันได้ครับ
ชุดรอก
รอกที่ใช้ตกปลาช่อนนั้นสามารถใช้ได้ทั้งรอกเบทและสปินนิ่ง ใช้ตัวไม่ต้องใหญ่มาก ถ้าเป็นสปินนิ่งก็ใช้ขนาดประมาณ BG13-15 ก็ได้ครับกำลังดี เหตุผลที่ไม่ให้ใช้รอกตัวใหญ่ก็เพราะในวันหนึ่ง ๆ ที่เราออกไปตีปลาช่อนต้องขว้างเบ็ดหลายครั้งนับไม่ถ้วน ถ้าใช้รอกตัวใหญ่เกินไปมันจะหนักและส่งผลต่อการข้างเหยื่อทำให้เกิดการปวดเมื่อยแขนเป็นอย่างมากกลับมาบ้านถึงกับนอนปวดครวนครางเลยก็มี
ชุดคัน
สำหรับชุดคันก็เลือกให้เข้ากับชุดของรอกที่เราเตรียมไว้ไม่ควรใช้คันที่แข็งเพราะจะทำให้แอคชั่นของเหยื่อออกมาไม่ดีและก็ไม่ควรใช้คันที่อ่อนมากจนเกินไปเช่นกัน ให้ใช้คันที่มีแอคชั่นปานกลาง ความยาวตั้งแต่ 5-7 ฟุต เพื่อไม่ให้เกิดความเกะกะหรือว่าหนักจนเกินไป
ชุดสายหรือเอ็น
ชุดสายให้ใช้ขนาดของสายประมาณ 12 ปอนด์เป็นอย่างน้อย อาจจะประกอบสายหน้าด้วยก็ได้หรือบางครั้งก็ไม่ใช้แต่แนะนำว่าใช้สายหน้าจะเป็นการป้องกันปลากัดสายขาดได้ดี
เหยื่อตกปลาช่อน
เหยื่อที่ใช้สำหรับตกปลาช่อนนั้นสามารถใช้ได้ทั้งเหยื่อที่เป็นเหยื่อจากธรรมชาติหรือเหยื่อจริง และเหยื่อที่ทำขึ้นเองหรือที่เราเรียกกันว่าเหยื่อปลอมนั่นเองครับ
เหยื่อที่จะกล่าวถึงอันดับแรกก็คือเหยื่อจากธรรมชาติหรือเหยื่อจริง เหยื่อจริงที่ใช้ตกปลาช่อนนั้นก็ได้แก่ เขียด ลูกปู ลูกปลา ไส้เดือน หรือแม้แต่ ตับไก่ ปลาหมึกแห้ง ลูกอ้อด แมงกระชอน ก็ยังใช้ตกปลาช่อนได้

การใช้ไส้เดือน และปลาหมึกแห้งในการตกปลาช่อนนั้น ที่ผมว่ามันได้ปลาช่อนก็เพราะ เมือตอนเด็ก ๆ เด็กบ้านนอกเราจะชอบไปปักเบ็ด โดยจะใช้ไส้เดือน หรือปลาหมึกแห้งหรือไม่ก็ลูกเขียด การเกี่ยวไส้เดือนนั้น ให้เกี่ยวเป็นก้อนกลม ๆ ปักไว้ปริ่ม ๆ กับผิวน้ำส่วนเหยื่อปลาหมึกแห้งให้หั่นขนาดพอดี ขนาดประมาณ 3 คูณ 4 เซนติเมตร ปักให้จมน้ำประมาณ 3 นิ้ว กำลังพอดี ส่วนการใช้ลูกเขียดในการปักเบ็ด นั้นจะใช้ตัวเขียดประมาณหัวแม่มือ เกี่ยวบริเวณปากให้หมิ่น มาก ๆ (อาจโหดเล็กน้อย) เพื่อป้องกันเขียดตาย จากนั้นทำการปักให้ขาเขียดจุ่มน้ำ ประมาณเอวก็พอดี ข้อสำคัญในการใช้เขียดปักเบ็ดตกปลาช่อนนั้นก็คือ ห้ามใช้ลูกกบ เพราะปลาช่อนจะไม่กินลูกกบอันนี้ยืนยันเลยครับว่าไม่กินจริง ๆ พิสูจน์มาแล้ว ไม่ทราบว่าด้วยสาเหตุใดถึงไม่กิน จะมีแต่งูเท่านั้นที่มากิน อีกอย่างห้ามใช้เขียดจนา(รู้จักกันหรือเปล่า) หรือเขียดที่อยู่ในน้ำตัวสีเขียว ๆ ไม่รู้ชื่อว่าอะไร เพราะเขียดพวกนี้ฉลาดมันรู้จักปลาช่อนดี ถ้ามันเห็นปลาช่อนมันจะไม่ดิ้นปลาจะไม่เห็นมันแล้วก็ไม่กิน แต่ถ้าเป็นเขียดอย่างอื่น เมื่อเจอปลาช่อน มันจะดิ้นตูมตามเพราะกลัว จึงเป็นการดึงดูดความสนใจของปลาช่อนทำให้ถูกกิน ที่กล่าวมานี้เป็นการตกด้วยเบ็ดปักหรือเบ็ดปักตามท้องนา เหยื่ออีกอันที่น่าสนใจก็คือ ลูกปู ใช้ปักเหมือนกันโดยเกี่ยวที่มุมกระดองของลูกปูกันมันตาย และจะปล่อยตัวปูให้เกาะกิ่งไม้หรือก็หญ้าอยู่ตามธรรมชาติ ได้ปลาช่อนเหมือนกัน ก็ใช้ลูกปูตก หรือปักต้องใช้ในหน้าหนาวเท่านั้น และตามคลองบึงที่มีปลาช่อนอยู่ได้ผลดีมาก ที่เล่ามาเป็นการตกปลาแบบสมัยก่อน ถ้าเป็นปัจจุบันก็จะใช้เขียดผูกติดกับตัวเบ็ดขว้างออกไปแล้วลากกลับมาเหมือนกับเหยื่อปลอม หรือใช้ตับไก่ ขว้างรอให้ปลามากิน หรือไม่ก็จะเกี่ยวลูกปลาสร้อยผูกกับทุ่นลอย ปล่อยรอให้ปลาช่อนมากัดเอง










เหยื่อจริง

เหยื่อแบบต่อมาคือเหยื่อปลอม
เหยื่อปลอมเป็นเหยื่อที่คนเราผลิตขึ้นมาโดยการเลียนแบบเหยื่อจากธรรมชาติทั้งปลาหรือ กบ เขียด ต่าง ๆ
เหยื่อปลอมที่ใช้สำหรับตกปลาช่อนชนิดแรกที่จะพูดถึงก็คือ
เหยื่อประเภทผิวน้ำ
เหยื่อผิวก็จะได้แก่เหยื่อในตระกูลกบทั้งหลาย รวมถึงพวกปอบเปอร์ และเหยื่อใบพัดทั้งหลายโดยจะใช้เหยื่อที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักในการตกปลาช่อน เทคนิคง่าย ๆ คือตีเข้าหมายตามจุดที่คิดว่ามีตัวแล้วลากกลับมา เร็วหรือช้าต้องทดลองเองเพราะบางวันลากเร็วปลากินบางวันต้องลกช้าถึงกินไม่ตายตัวครับ ส่วนจะตีเข้าในแต่ละหมายซักกี่ไม้นั้นก็แล้วแต่ความถนัดครับ บางจุดต้องตีถึง สิบกว่าไม้ถึงจะกินก็มีบางจุดไม้เดียวก็เห็นผลครับ เทคนิคอีกอย่างที่อยากแนะนำคือหากเราอยู่บนเรือถ้าตีชิดตลิ่งมาก ๆ แนะนำให้ตีขึ้นตลิ่งเลยแล้วกระตุกเหยื่อลงน้ำให้เหมือนกับกบกระโดดลงน้ำครับปลาช่อนจะงับที่ทันทีที่เหยื่อลงน้ำจากประสบการของผมเอง










เหยื่อผิวน้ำ


เหยื่อดำตื้นและดำลึก
เหยื่อดำตื้นและดำลึก เป็นเหยื่อปลอมที่ทำขึ้นมาเลียนแบบลูกปลาตัวเล็ก ๆ ทั้งเหยื่อดำตื้นละดำลึกนั้นจะมีแอคชั่นที่คล้ายคลึงกันเพียงแต่ทำงานในระดับความลึกที่แตกต่างกันเท่านั้น เหยื่อดำลึกดำตื้นจะใช้ได้ผลดี ในหมายที่เป็นร่องน้ำโล่งไม่มีสาหร่ายหรือสวะใต้น้ำ เหยื่อประเภทนี้มีหลายสี หลายขนาด แต่ถ้าใช้ตกปลาช่อนแนะนำให้ใช้ขนาดที่ไม่ใหญ่มากจะได้ผลดี
เหยื่อประเภทนี้ก็ได้แก่ เหยื่อพวกปลัก สปินเนอร์เบท สปูน หรือ หนอน และกระดี่เหล็ก โดยเฉพาะกระดี่เหล็ก ถ้าเป็นหมายอย่างที่ว่ามาก่อนหน้านี้นำว่าได้ผลดีมากครับ แหล่งน้ำที่โล่งกว้างไม่มีพวกตอไม้หรือสาหร่ายใต้น้ำต้องกระดี่เหล็กเท่านั้น หรือจะเป็นปลายาง หนอนยาง เบ็ดจิ๊กก็ได้แต่เหยื่อพวกนี้ใช้งานได้หลากหลายกว่ากระดี่เหล็ก เพราะสามารถนำไปตกในคลองแคบ ๆ ก็ได้ ได้ผลดีเช่นกันครับ


เหยื่อดำตื้น

เทคนิคพื้นฐาน
อย่างที่บอกไปแล้วว่าการตกปลาช่อนนั้นไม่มีอะไรตายตัวแต่หลัก ๆ แล้วก็คือการตีเหยื่อเข้าที่หมายแล้วลากรอให้ปลากิน การตีเหยื่อเข้าหมายให้สังเกตจุดที่คิดว่ามีตัวอปลาช่อนอยู่เช่น ตามริ่มตลิ่งที่มีลูกปลาโดดหรือแตกกระจาย ข้างตอไม้ หรือพงหญ้า ใช้เหยื่อตีให้เลยหมายไปนิดหน่อยแล้วลากผ่านหากปลากัดอย่ารีบวัดในทันทีควรปล่อยเวลาซักนิดแล้วค่อยวัดแล้วลากกลับให้เร็วเพื่อป้องกันปลาลากสายเข้าตอไม้ใต้น้ำ
เหยื่อที่เรานำไปตกควรมีหลากหลายสีน่ะคับ เพราะบางวันสีนั้นใช้ได้ผลมาอีกวันอีกสีหนึ่งถึงใช้ได้ผล เหยื่อควรเตรียมให้พร้อม คีมปลดปลาอย่าลืมถ้าใช้มือระวังเงี่ยงเบ็ดด้วยเจ็บมากขอบอก สายหรือเอ็น ควรมีสำรอง หรือแม้แต่คันเผื่อมันหัก อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น แว่นกันแดด หมวก สวิงตักปลา ถุงใส่ปลา กรณีเอากลับ ข้าวกล่อง น้ำ เผื่อหิวครับ
เทคนิคการตกปลาช่อนแบบของผมนี้หวังว่าจะให้ความรู้สำหรับนักตกปลามือใหม่ที่เริ่มจับคันบ้าง ไม่มากก็น้อย หวังเป็นอย่างยิ่งน่ะครับ แล้วเจอกันในบทความต่อไปครับ


ภาพปลาช่อน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก phitsanulokfishing.com

เทคนิคการตกปลาล่าเหยื่อ - การตกปลากระสูบ



เทคนิคการตกปลากระสูบ

ปลากระสูบ เป็นปลาที่มีลักษณะลำตัวค่อนข้างแบน รูปร่างจะคล้ายๆปลาตะเพียน เพราะเป็นปลาในสายวงศ์เดียวกัน ว่ายน้ำได้รวดเร็ว ชอบไล่จับปลาขนาดเล็ก ปลากระสูบเป็นปลา สกุลหนึ่งที่มีการกระจายพันธุ์แทบทุกภาคของประเทศ โดยสามารถพบได้ทั้งในบริเวณที่เป็นแหล่ง น้ำนิ่งและเป็นแหล่งน้ำไหล แม้แต่ในบริเวณที่เป็นลำธารตื้นๆ ที่ไหลมาจากน้ำตก ปลากระสูบที่พบในแหล่งน้ำธรรมชาติในบ้านเรามีด้วยกัน 3 ชนิด โดยวันนี้ผมจะบอกกล่าวเรื่องสายพันธุ์แบบคร่าวๆ นะครับสำหรับท่านไหนที่ต้องการทราบแบบละเอียดๆ ก็ลองค้นหาข้อมูลมาอ่านกันดูนะครับ สำหรับชนิดของปลากระสูบที่พบในประเทศมีด้วยกันดังต่อไปนี้ครับ
  1. กระสูบขีด
  2. กรสูบจุด
  3. กระสูบพม่า
อย่าง ที่ได้บอกไปแล้วนะครับปลากระสูบเป็นปลาที่มีวิวัฒนาการจากปลากินพืชมาเป็น ปลาล่าเหยื่อ โดยปลากระสูบจะมีการเข้าฝูงกันและช่วยกันจับเหยื่อ ปลาโดยส่วนใหญ่จะเป็นปลากระสูบที่มีขนาดเล็ก เพราะเมื่อปลากระสูบมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นปลากระสูบก็จะแยกฝูงครับ (คล้าย ๆ ดังแล้วแยกวง) จะเริ่มออกล่าเหยื่อเพียงลำพัง โดยปลากระสูบเมื่อเติบโตเต็มที่จะมีความยาวลำตัวประมาณ 40 เซนติเมตรเลยทีเดียว และเมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักได้ถึง 4 – 5 กิโลกรัม เลยทีเดียว ถึงตอนนี้เรามาลองดูกันดีกว่าว่าถ้าเราจะออกไปตกปลากระสูบนั้นเราควรเตรียม อะไรกันไปบ้าง

อุปกรณ์ในการตกปลากระสูบ

คันเบ็ดและรอก ใช้ได้ทั้งชุดสปินนิ่งและเบทคาสติ้ง มีแบบไหนลองเอาไปใช้กันดูแล้วกันนะครับ ขนาดปานกลางขึ้นไป
สายเอ็น เลือกใช้ได้ตั้งแต่ 8 - 16 ปอนด์
ลีดเดอร์ ใช้สายเอ็นไนลอนธรรมดาขนาดใหญ่กว่า สายเอ็น 1 - 2 เท่า



เหยื่อ

เหยื่อที่ใช้ ในการตกปลากระสูบนั้นสามารถใช้ได้หลายชนิดครับ ไม่ว่าจะเป็น ไส้เดือน กุ้ง ปลาเล็ก เหยื่อสดพวกนี้สามารถนำมาใช้ได้หมดครับ แต่เหยื่อที่ใช้แล้วได้ผลมากขึ้นก็คือ เหยื่อ ลูกปลาตะเพียน ลูกปลาสร้อยตัวเล็กๆ ปลาซิวแก้ว เป็นต้น สำหรับเหยื่อที่นักตกปลานิยมใช้งานและใช้แล้วได้ผลมากที่สุด ก็คือ เหยื่อปลอมจำพวก สปินเนอร์ สปูน และปลาปลอม

วิธีการตกปลากระสูบ

เมื่อ อุปกรณ์พร้อม เรามาดูกันว่าเราจะทำยังไงตกปลาที่ไหนถึงจะมีโอกาสได้ตัวใต้น้ำกัน อย่างที่บอกไปแล้วนะครับปลากระสูบเป็นปลาล่าเหยื่อซึ่งจะไล่ลูกปลา โดยปลากระสูบเองมักจะไล่เหยื่อจากใต้น้ำ เราเลยขอแนะนำการตกปลากระสูบแบบง่าย ๆ คือการปล่อยเหยื่อลงไปให้ถึงพื้นเลยนะครับ จะปล่อยลงไปตรง ๆ ก็ได้ เมื่อตีเหยื่อออกไปแล้วให้เราทนรอ ให้เหยื่อจมลงไปในน้ำสักระดับหนึ่ง จากนั้นก็ให้ลากเหยื่อมาด้วยความเร็ว ถ้าบริเวณนั้นมีปลากระสูบอยู่ละก็บอกได้เลยครับว่าโอกาสมีสูง แล้วถ้าที่หมายนั้นมีปลากระสูบไล่ลูกปลาอยู่แล้วละก็ให้เราตีเหยื่อได้เลย บริเวณที่ปลากระสูบกำลังไล่เหยื่อ จากนั้นรอให้เหยื่อจมแล้วลากกลับมาครับ แบบนี้จะมีโอกาสสูงขึ้นไปอีกเพราะเป็นเวลาที่ปลากระสูบตื่นตัวทำให้ปลากระสูบมาไล่เหยื่อเราแล้วก็ฮุบเหยื่อในที่สุดครับ




ขอขอบคุณข้อมูลจาก numaer.com

เทคนิคการตกปลาล่าเหยื่อ - การตกปลาชะโด

การตีชะโด แบ่ง เป็น 3 อย่างหลักๆ ดังนี้
  1. ตีสุ่ม หรือ ตีปลาสุ่ม
  2. ตีปลาจิบ
  3. ตีปลาครอก หรือ ตีแม่ครอก
การตีปลาสุ่ม ก็หมายความตามคำว่า สุ่ม นั่นแหละครับ คือตีไปเรื่อยๆ โดยที่เราเอง ก็ไม่รู้หรอกว่า ปลามันอยู่ไหน มันจะชาร์ทเหยื่อเมื่อไหร่ แต่โดยนิสัย ของชะโดแล้ว มันจะชอบ ซุ่มอยู่ตาม ตอไม้ พงไม้ พงหญ้า กอบัว ริมตลิ่ง เมื่อมันเจอเหยื่อ ผ่านมา มันจะพุ่งเข้าใส่ทันที ทำให้นักตกปลา ตีชะโดส่วนมาก จะเหวี่ยงเหยื่อ เข้าไปตามจุดต่างๆ ดังที่กล่าวมานั้น
การตีปลาจิบ ก็คือ การเฝ้ามอง จุดๆหนึ่ง ที่ชะโดลอยตัว ขึ้นมาจิบอากาศเหนือผิวน้ำ ก่อนทีจะม้วนตัวดำดิ่ง ลงสู่พื้นล่าง สิ่งที่เกิดจาก การจิบอากาศ คือวงกระเพื่อม เป็นวงกลม ของผิวน้ำ ทำให้ นักตกปลา รับรู้ถึงจุด ที่ปลาอยู่
การตีปลาแม่ครอก ก็คือ การตกปลาแม่และพ่อ ชะโด ที่มันกำลัง เลี้ยงลูกๆ หรือ พาลูกๆ ตัวแดงๆของมัน ออกไปหาอาหาร นั่นแหละครับ
ทีนี้ มาพูดถึง ประเภทเหยื่อ ที่นิยมใช้ ตกปลาชะโดกัน นะครับ
เหยื่อตีชะโด หลักๆแล้ว แบ่งได้ดังนี้
  1. เหยื่อผิวน้ำ เช่น กบกระโดด เหยื่อใบพัด ป๊อปเปอร์ buzz bait .....
  2. เหยื่อดำน้ำ หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า เหยื่อดำ ซึ่งก็จะแบ่งเป็น ดำตื้น ดำลึก

การตีปลาสุ่ม ด้วยเหยื่อผิวน้ำ เหยื่อผิวน้ำ โดยรวม ความหมายก็คือ เวลาที่เราใช้งานเหยื่อเหล่านี้ มันจะสร้างแอ็คชั่น อยู่บนน้ำครับ (ถ้าเราไม่กรอมันกลับ มันก็อาจจะค่อยๆจมหายไป หรือลอยอยู่ แล้วแต่เหยื่อที่ผลิตออกมา เหยื่อบางเจ้า จะเขียนติดไว้ครับ ว่า เป็น float หรือ sink) การตีเหยื่อสุ่ม มักจะตีเข้าหาหมาย หรือจุดหมาย ที่นักตกปลา คาดคะเนว่า ตรงนั้น ตรงนี้ น่าจะมีปลา ดักรอล่าเหยื่ออยู่ หมายส่วนมากแล้ว จะอยู่ชิด ติดกับ ตอไม้ พงหญ้า ขอบตลิ่ง ซึ่งถือเป็นสวะ ที่พลาดพลั้ง ตีเกินเลย หรือแม้แต่จงใจ ตีเหยื่อล้วงเข้าไป กลางอุปสรรคเหล่านั้น ก็อาจทำให้ ตัวเบ็ดของเหยื่อ เกาะเกี่ยวได้ง่ายๆ เหยื่อที่นิยมใช้กัน จึงเป็นเหยื่อ ประเภท กบกระโดด เหยื่อติดใบพัด หรือ เหยื่อที่มีลักษณะคล้ายๆกัน และมีเพียงตะขอ 2 ทาง อยู่ส่วนท้ายเท่านั้น บางครั้ง นักตกปลา ก็ได้เสริมตัวกันสวะเข้าไป ที่ตัวเบ็ด เพื่อให้ปัญหา ตัวเบ็ดไปเกาะเกี่ยวอุปสรรค ลดน้อยลงไป ข้อดี หลักๆ ของเหยื่อประเภทนี้ ก็คือ โอกาส ติดสวะ หรืออุปสรรค มีน้อย และเวลาที่ปลา ฮุบเหยื่อแล้ว โอกาสได้ปลา ก็มีสูง
การตีปลาจิบ ด้วยเหยื่อดำน้ำ
จริงๆแล้ว การตีปลาจิบ ใช่ว่าจะใช้เหยื่อผิวน้ำไม่ได้นะครับ ใช้ได้เหมือนกัน แล้วแต่สถานที่ หมายถึง บางเขื่อน บางอ่าง ใช้เหยื่อผิวน้ำ ตีปลาจิบ มันไม่ชายตาแลเลย ก็ต้องเป็นงานของเหยื่อดำครับ
ดำตื้น สังเกตได้จาก ลิ้นที่ปากเหยื่อ จะสั้นๆ ดำลึก สังเกตได้จาก ลิ้นที่ปากเหยื่อจะค่อนข้างยาว
เมื่อไหร่ ต้องใช้ ดำลึก เมื่อไหร่ ต้องใช้ดำตื้น ก็ง่ายๆครับ ถ้าน้ำตื้น ก็ใช้ดำตื้น ตัวดำตื้นนี้ ใช้ตีปลาจิบ ใกล้ๆฝั่งได้ครับ ส่วนดำลึก ก็ใช้ตีปลาจิบ บริเวณน้ำลึกครับ

เทคนิค ประกอบการลากเหยื่อ และสร้างแอ็คชั่น ให้กับเหยื่อเบื้องต้น

เหยื่อผิวน้ำ เวลาที่ตีเหยื่ออกไป ถึงจุดหมาย หยุดเหยื่อให้ตกกระทบกับผิวน้ำแล้ว มี 2 ทางเลือก
  1. กรอกลับทันที เหยื่อกระทบผิวน้ำ แป๊ะ!! กรอกลับอย่างเร็ว ในช่วง 1 วินาทีแรก แล้วผ่อนให้ช้าลงนิดหน่อยหลังจากนั้น ในหลายช่วง หลายจังหวะ การลากเหยื่อ อาจเพิ่มแอ็คชั่นให้กับเหยื่อ โดยการเจิร์คบ้าง Jerk ก็คือ การสบัดปลายคันเบ็ดขึ้นๆลงๆ เพื่อให้เกิดแรงกระชากตรงตัวเหยื่อ ผันแปร ไม่สมำเสมอ
  2. หยุดเหยื่ออยู่ตรงนั้น แล้วค่อยๆ เจิร์คตวัดปลายคัน ให้หัวเหยื่อคะมำขึ้นๆลงๆ ค่อยๆขยับมาเรื่อยในช่วง 1-3 วินาทีแรก แล้วค่อยกรอกลับ เทคนิคนี้ จะใช้ได้กับพวกเหยื่อที่ไม่จมน้ำครับ
เหยื่อดำน้ำ ตีปลาจิบ การตีปลาจิบ ก็คือ การเฝ้ารอจังหวะ ปลาขึ้นมาจิบอากาศ หลังจากเหยื่อตกกระทบผิวน้ำ ให้กรอกลับทันที หมุนเร็วๆในช่วงวินาทีแรก เพื่อให้เหยื่อดำดิ่ง ลงไปสู่ จุดสุดของสเปคเหยื่อแต่ละแบบ แล้วผ่อนเพื่อให้เหยื่อ ได้ออกแอ็คชั่น ( อาการดีดดิ้น ยักย้าย ส่ายสะโพก) การตีปลาจิบนั้น ว่ากันว่า ให้ตีดักหน้า เวลาปลาจิบน้ำ แล้วมันจะดำดิ่ง ลงพื้นล่าง ในทางปฏิบัติแล้ว ทำได้ยากครับ ง่ายๆเลยก็คือ มันจิบตรงไหน ก็เหวี่ยงเหยื่อไปตรงจุดนั้นแหละครับ ดีที่สุดคือ เหวี่ยงให้เลยจุดจิบ ไปสักหน่อยถ้าทำได้ ก็จะช่วยเพิ่ม การบล็อคทิศทางได้อีก
การตีแม่ครอก โดยรวมแล้ว ก็ใช้ทั้ง 2 แบบด้านบนครับ การตีแม่ครอก มีทั้ง 2 รสชาดคละเคล้ากันไป คือ ตูม!! ตั้งแต่ไม้แรกๆ หรือ ยังไม่ถึง 10 ไม้ หรือ ตามตี ตามกดดัน จนคนตีเองท้อ ขอยอมแพ้ ทำไมบางคนจึงพูดว่า ตีแม่ครอก แค่ลากเหยื่อผ่านมันก็กัดแล้ว บางคนบอกไม่จริงหรอก ผมตามตีเป็นครึ่งค่อนวัน มันยังไม่กัดเลย
นี่เป็นเพียงข้อสันนิฐาน จากประสบการณ์ผมนะครับ ไม่มีข้อมูล หลักวิชาการ ใดๆมายืนยัน ผมสันนิฐานว่า
  1. ตูม !! แน่ตั้งแต่ไม้แรกๆ ถ้า ปลาครอกนั้น เป็นครอกใหม่ๆ เล็กๆ ที่ยังไม่มีใครไปกวนมัน สรุปก็คือ มันยังไม่มีประสบการณ์ การโดนล่า เพราะมันรู้เพียงว่า พวกมันคือผู้ล่า
  2. ตูม!! เหมือนกัน แต่กว่ามันจะกัดเหยื่อ ก็นานเกือบท้อ แน่นอนว่า ครอกนี้ มันเคยเจอ เคยถูกล่ามาแล้ว อาจจะโดน นักล่าผู้ใจดี ตีเอามันไปถ่ายรูปมาแล้ว แต่หลังจากที่ โดนตี โดนตามกดดันนานๆ ด้วยความที่มัน ต้องปกป้องสิ่งที่มันรัก ไม่ให้ผองภัย ภยันตรายๆ มากล้ำกรายลูกๆของมัน จนมันเกิดความเครียดอย่างมาก สังเกตได้จาก เริมมีการ ขึ้นน้ำขู่ ขึ้นจิบน้ำแรงๆ หลายครั้ง เอาหางฟาดเหยื่อบ้าง จนในที่สุด ความเครียดคงจะกลายเป็น ขาดสติ งับเหยื่อจนได้
บทความที่ เขียนถึง การตีแม่ครอก สมาชิกที่อ่านแล้ว กรุณาอย่านำไปขยายความใดๆนะครับ อ่านเพื่อบันเทิงเชิงความรู้ก็พอ ส่วนควรจะ หรือไม่ควรจะตีปลาแม่ครอกนั้น ขอให้เป็นวิจารณญาณของแต่ละบุคคล อย่าได้นำมากล่าวเพื่อ ถกเถียง โต้แย้ง ในกระทู้นี้เลยนะครับ
ชุดอุปกรณ์ ที่ใช้ ใช้ได้ทั้ง ชุดสปินนิ่ง และ ชุด เบทคาสติ้ง แล้วแต่ความถนัด และทุนเงินในกระเป๋าครับ ผมเริ่ม ตีชะโดด้วยชุด สปินนิ่ง คัน 8 ฟุต 2 ท่อน รอก BG 10 ซึ่งผมมีใช้ ตกปลาเกร็ดอยู่แล้ว เสียเงินเพิ่ม ก็ตรงที่สาย ไดนีม่า เท่านั้นครับ จนวันเวลาผ่านไป ผมจึงได้ซื้อ อุปกรณ์อื่นๆเพิ่มเข้ามา
คันแข็ง คันอ่อน ตกปลาได้ไหมครับ ได้ทั้งนั้นแหละครับ โอกาสปลา ฮุบเหยื่อก็เหมือนกันครับ จะต่างกันที่
ความแม่นยำ และระยะของการส่งเหยื่อ
การเซ็ตฮุค หรือการวัดเบ็ด แน่นอนว่า คันที่แข็งกว่า ย่อมให้แรงกระชาก จากปลายคัน ถึงตัวเบ็ดได้รุนแรงกว่า ส่งผลให้ คันเบ็ดอ่อน โอกาสปลาหลุดมากกว่า เนื่องจาก แรงกระชากเวลา วัดเบ็ด ไม่รุนแรงพอ ที่จะดึงคมเบ็ดให้ฝังลงในผิวเนื้อปลาได้ รวมทั้ง คันแข็ง สามารถงัดบังคับทิศทางปลาได้ดีกว่าคันอ่อน โอกาสที่ ปลาจะมุดลงไปติดกิ่งไม้ ตอไม้ จึงมีน้อยกว่า เพราะเวลาที่เราสู้กับปลาเกมส์เหล่านี้ มันแค่อึดใจเดียวครับ
เทคนิคการ เล็กๆ น้อย แต่มีผล ต่อการได้ตัวครับ
ก่อนตีเหยื่อ เช็คเบรคให้แน่ใจ ว่าปิดเบรคแน่นพอรึยัง
เวลาปลาเข้าชาร์ทเหยื่อ บอกกับตัวเองไว้เลยว่า ตูม! ก็จะไม่สดุ้ง ท่องไว้เลยครับ ตูม... ตึง.... ตวัด....
ถ้าปลาชาร์ทเหยื่อ ตูม แต่เราไม่รับรู้ถึงอาการตึง ที่แขน ก็คือ มันชาร์ทพลาด ให้เจิร์คเหยื่อเบาๆ เหมือนกับ เหยื่อกระโดดหนี มันจะตาม ชาร์ทอีก ตูม! ถ้ารับรู้ว่า ตึงที่มือ ให้ตวัดทันที หมุนให้ไว สายตึงอีกครั้ง วัดสวนให้ดังฉึกๆ ถ้าถึงขนาด ลากเบรคออก ปรื๊ดๆ หาโอกาส เซ็ตฮุคอีกที เอาให้อุ่นใจ ในวินาทีนั้น หมุนให้ไว งัดปลาให้ขึ้นสู่ผิวน้ำให้ได้ แต่อย่างัดให้หัวปลา โผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมาเด็ดขาด โอกาสที่ปลาจะสะบัดหลุดมีสูง



ขอขอบคุณข้อมูลจาก numaer.com

วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

อุปกรณ์ตกปลาเบื่องต้น

อุปกรณ์ตกปลาเบื่องต้น


คราวนี้ก็มาถึงในส่วนของอุปกรณ์ที่ใช้ในการตกปลากันบ้าง โดยอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการตกปลา ก็จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ดังนี้

1.รอก

รอกตกปลานับเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในการตกปลาเนื่องจากการตกปลาแต่ละประเภทแต่ละชนิดจะใช้รอกที่มีความแตกต่างกันออกไปครับ โดยรอกตกปลาที่ใช้กันโดยทั่วไปในปัจจุบันนั้นแบ่งออกได้ดังนี้

ประเภทของรอกตกปลา

รอกสปินนิ่ง(Spinning Reel)

นับเป็นรอกพื้นฐานที่ใช้งานง่ายแนะนำสำหรับมือใหม่ที่ต้องการรอกตัวแรกในชีวิตครับ เพราะอย่างที่ว่าใช้งานง่ายไม่ซับซ้อนครับ เหมาะกับนักตกปลาที่พึ่งเริ่มต้นครับ


รอกเบท(Baitcasting Reel)

เป็นรอกที่มีความสวยงาม มีทั้งแบบหยดน้ำและธรรมดา มีความคงทน และใช้งานได้อยากกว่าแบบสปินนิ่ง เหมาะสำหรับนักตกปลาที่มีความชำนาญในการใช้งานสูงครับ รอกประเภทนี้นิยมใช้ในการตกปลาล่าเหยื่อ เช่น ช่อน ชะโด เพราะสามารถตีเหยื่อเข้าหมายได้รวดเร็วกว่าไม่ต้องเสียเวลาเปิดหน้ารอกเหมือนแบบสปินนิ่ง


รอกทรอลิ่ง(Trolling Reel)

เป็นรอกที่ลักษณะเดียวกันกับรอกเบทแต่มีขนาดใหญ่กว่า ทนทานกว่า เหมาะสำหรับตกปลาทะเลที่มีขนาดและน้ำหนักมาก โดยใช้การลากเหยื่อด้วยเรือ หรือการทรอลิ่งนั่นเอง


รอกฟลาย(Fly Reel)

เป็นรอกลักษณะพิเศษที่ใช้สำหรับตกปลาแบบ ฟลายเท่านั้น



2.คัน

สำหรับคันเบ็ดก็จะเป็นคันที่เข้ากับชุดของรอกในแต่ละประเภทครับ ส่วนการเลือกใช้งานนั้นก็แล้วแต่ความเหมาะสม คันเบ็ดจะมีลักษณะของความแข็งของคันแตกต่างกันออกไป เริ่มตั้งแต่ แข็ง ปานกลาง และอ่อน ซึ่งการเลือกใช้คันในการตกปลาแต่ละประเภทนั้นก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เช่นตกปลาใหญ่อย่าง ยี่สก หรือปลาจีน อาจต้องใช้คันที่มีความแข็งแรง อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ความยาวคันเบ็ดส่วนใหญ่ที่เคยใช้โดยทั่วไปน่ะครับจะมีความยาวตั้งแต่ 4 ฟุต จนถึง 12 ฟุต ประมาณนี้ครับซึ่งคันเบ็ดนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น

ประเภทของคันเบ็ดตกปลา



คันสปินนิ่ง(Spinning Rod) เป็นคันเบ็ดที่ใช้สำหรับคู่กับรอกสปินนิ่ง



คันเบทคาสติ่ง(Baitcasting Rod)

เป็นคันเบ็ดที่ใช้สำหรับคู่กับรอกเบท



คันทรอลิ่ง(Trolling Rod)

เป็นคันเบ็ดที่ใช้สำหรับคู่กับรอกทรอลิ่ง หรือการทรอลิ่งนั่นเอง



คันฟลาย(Fly Rod)

เป็นคันเบ็ดที่ใช้สำหรับคู่กับรอกทรอลิ่ง


3.สายหรือเอ็น

คราวนี้ก็ต้องมากล่าวถึงชุดสายหรือเอ็นที่ใช้ประกอบกับชุดของคันและรอกที่เราจะใช้ตกปลาซึ่งกาเลือกใช้ชุดสายก็มีความสำคัญต่อการตกปลาเพราะถ้าหากเราไปตกปลาที่มีขนาดใหญ่หากใช้สายที่ทนต่อแรงดึงหรือแรงกระชากของปลาน้อยก็อาจทำให้สายของเราขาดได้ครับ โดยทั่วไปแล้วสายหรือเอ็นที่ใช้กันสำหรับตกปลาทั่วไปจะมีขนาดตั้งแต่ 12 15 20 25 30 40 50 ปอนด์ครับ แล้วแต่จะล์อกใช้ให้เหมาะสม โดยชุดสายหรือเอ็นตกปลานั้นในที่นี้ขอแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะคือ ชุดสายธรรมดา ชุดสายเชือกถัก ชุดสายหน้าหรือสายลีด

ประเภทของสายหรือเอ็นปลา



ชุดสายธรรมดา เป็นชุดของสายเอ็นปกติ
ชุดสายเชือกถัก เป็นลักษณะของสายเชือกถักมีความคงทนแข็งแรงกว่าสายปกติมาก
ชุดสายหน้าหรือสายลีด เป็นชุดสายที่มีความแข็งแรงทนทานที่สุดใช้สำหรับประกอบเป็นสายหน้าป้องกันการกัดของปลาที่ฟันมีความแหลมคม ชุดสายหน้านี้จะสายที่ทำจากลวดหรือวัสดุที่มีความคงทนสูง
สายอีกประเภทหนึ่งคือสายที่ใช้กับการตกปลาประเภท ฟลายฟิชชิ่ง สายประเภทนี้จะมีความเหนียวและคงทนเป็นพิเศษและมีราคาที่สูงตามไปด้วย



4. เหยื่อ

เหยื่อตกปลาดังที่กล่าวไว้แล้วตั้งแต่ต้นว่ามีทั้งเหยื่อจริงและเหยื่อปลอมโดยเหยื่อที่เราเลือกใช้สำหรับตกปลานั้นก็มีความสำคัญ

เหยื่อปลอม

เหยื่อปลอมนั้นใช้สำหรับหลอกล่อปลาล่าเหยื่อให้เข้ามากินโดยใช้การสร้างเลียนแบบธรรมชาติของเหยื่อปลาที่มีอยู่แล้วด้วยการประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ให้มีความคล้ายคลึงมากที่สุดครับ
ประเภทของเหยื่อปลอม
เหยื่อปลอมโดยทั่วไปมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้ คือ

เหยื่อผิวน้ำ เหยื่อชนิดนี้เป็นเหยื่อประเภทที่ใช้วิ่งบนผิวน้ำด้วยการตีเหยื่อเข้าไปยังจุดที่คิดว่ามีตัวปลาอยู่แล้วลากเหยื่อมาตามผิวน้ำ เหยื่อประเภทนี้ใช้ได้ดีกับประช่อน ชะโด และกระสูบ โดยเหยื่อประเภทนี้จะมีขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันไปตามลักษณะของปลาที่เราตก

ตัวอย่างเหยื่อประเภทผิวน้ำได้แก่

กบผิวน้ำ
อาจจะมีหรือไม่มีใบพัดด้วยก็ได้แล้วแต่ลักษณะของหมาย

ปอบเปอร์
เหยื่อประเภทที่ใช้การกระตุกเพื่อเรียกความสนใจของปลา



เหยื่อดำตื้น เหยื่อชนิดนี้จะเป็นการเลียนแบบปลาขนาดเล็กซึ่งใช้การสร้างแอคชั่นให้มีความคลายคลึงกับการว่ายของปลาที่บาดเจ็บหรือใกล้ตาย

ตัวอย่างของเหยื่อประเภทดำตื้นได้แก่

ปลั๊กดำตื้น

สปูน

สปินเนอร์

เหยื่อดำลึก เป็นเหยื่อประเภทเดียวกันกับเหยื่อประเภทดำตื้นแต่มีความสามารถในการดำได้ลึกกว่า

เหยื่อจริง

เหยื่อจริงที่ใช้ตกปลานั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นเหยื่อจากธรรมชาติ และเหยื่อที่ผลิตขึ้นโดยนักตกปลา











เหยื่อจากธรรมชาติได้แก่ กบ เขียด ไส้เดือนต่าง ๆ ที่หาได้จากธรรมชาติ



เหยื่อที่นักตกปลาผสมขึ้น อันนี้เป็นเหยื่อที่ไม่มีความตายตัวครับต้องทดลองและค้นหาด้วยตัวเอง แต่ส่วนผสมหลัก ๆ แล้วก็มีรำข้าว เป็นหลัก อาจใส่หัวเชื้อบ้างเป็นต้น
เหยื่ออีกประเภทที่ใช้กันทั่วไป ส่วนใหญ่ใช้กับปลาหนัง ได้แก่เหยื่อหมัก เช่นไส้ไก่หมัก ม้ามหมูหมักเป็นต้นครับ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก phitsanulokfishing.com

วิธีทำกระดี่ ( ทำแบบบ้านๆ )

พอดีไปเจอมาเลยเอามาฝาก วิธีทำนะครับ 1. นำกระป๋องเบอร์ดี้มาตัดก้นและหัวออก แล้วผ่ากระป๋องแบออก 2. นำแบบมาทาบแล้วตัดด้วยกรรไกร เอาให้กว้...